สถานการณ์ปัจจุบัน สื่อเดิมตายเรียบ !
โลกของเทคโนโลยีมีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วมาก หรือที่เรียกกันว่า Disruption ซึ่งเป็นการทำลาย หรือขัดจังหวะสิ่งที่กำลังดำเนินอยู่ โดยเฉพาะด้านสื่อ และช่องทางการสื่อสาร ทำให้การ ทำงานด้านสื่อสารมวลชน งานโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ที่เคยทำกันมาเมื่อ 10-20 ปีก่อน กลับใช้การไม่ได้ หรือใช้ได้ก็ไม่ดี
ในอดีต เรามีสื่อโทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือพิมพ์ เป็น Mass Communication ที่สามารถเข้าถึงคนจำนวนมากได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว แต่เมื่อสื่อสังคมออนไลน์เริ่มเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ผู้คนเริ่มหันมาบริโภคหรือถึงขั้นเสพติดสื่อจากหน้าจอมือถือ ทำให้สื่อดั้งเดิมถูกลดความสำคัญไปโดยปริยาย
เรามีมือถือและระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่เร็วมากจนสามารถดูหนัง ฟังเพลง ชมรายการโทรทัศน์แบบลื่นไหล หรือ streaming ได้อย่างง่ายดาย ดูที่ไหนก็ได้ในห้องนอน ในห้องน้ำ ระหว่างนั่งรถ ระหว่างรับประทานอาหาร เราดูมือถือกันได้ทุกแห่งจนเครื่องรับโทรทัศน์ต้องพ่ายแพ้ไปในที่สุด
สื่อวิทยุ ที่เคยเป็นเพื่อนคู่ใจวัยรุ่น คนอ่านหนังสือเรียนตอนดึก โทรหาดีเจเพื่อขอเพลงและอัดเทป ต้องพ่ายแพ้ให้กับ Application ที่ใช้ฟังเพลงได้โดยไม่มีดีเจพูดขัดจังหวัด เลือกรับฟังได้ตามแนวเพลงที่ตัวเองชื่นชอบ แถมมันยังจัดรายการเพลงที่เราชื่นชอบให้อีก และแน่นอน ฟังที่ไหนและเมื่อไหร่ก็ได้
ไม่ต่างกับหนังสือพิมพ์ ที่เริ่มเข้าสู่ยุคเสื่อมถอยมาไม่ต่ำกว่า 20 ปี เพราะมนุษย์มีทางเลือกอื่น ๆ ที่สามารถเสพสื่อได้ทั้งภาพและเสียง รับข่าวสารแบบรวดเร็วทันใจ โดยไม่ต้องรอฉบับพิมพ์ซึ่งจะออกวางแผงในวันพรุ่งนี้
พัฒนาการของโทรศัพท์มือถือ ความเร็วของอินเทอร์เน็ต สื่อใหม่ ๆ รวมถึงการทำงานแบบเดิม ๆ ของสื่อมวลชนเอง ที่ทำให้การทำงานประชาสัมพันธ์และสื่อสารมวลชนในแบบเก่า ๆ ไม่สามารถตอบสนองผู้บริโภคในยุคนี้ได้อีกแล้ว
สภาพปัญหาของคนทำงานด้านประชาสัมพันธ์
ในองค์กรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชน หรือแม้แต่ธุรกิจเอสเอ็มอี ล้วนมีบุคลากรที่ทำหน้าที่ด้านการตลาด โฆษณา ประชาสัมพันธ์องค์กร
เป็นที่น่าสังเกตว่า หลายหน่วยงานโดยเฉพาะภาครัฐ บุคลากรที่รับผดชอบงานด้านประชาสัมพันธ์ ไม่ได้เรียนจบมาทางสายนี้โดยตรง อาจจะด้วยเหตุผลเรื่องอัตรากำลัง การไม่เห็นความสำคัญ หรืออะไรก็แล้วแต่ ทำให้งานด้านประชาสัมพันธ์ถูก “ฝาก” ไว้กับหน้าที่อื่น ๆ
ทำงานในหน้าที่ตัวเองก็หนักแล้ว ยังต้องมาทำงานด้านประชาสัมพันธ์อีก
ครั้นพออยู่ไปนาน ๆ เข้า คนทำงานก็เริ่มยึดติดกับ “กรอบความคิด” และวิธีทำแบบเดิม ๆ ไม่สอดรับกับสื่อ ช่องทาง และจริตของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
ที่เหนื่อยที่สุด คือ ต้องทำงานโดยไม่มีงบประมาณ !!!!
ทั้งที่การลงทุนขนาดใหญ่ต่าง ๆ โครงการที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน หรือการดำเนินงานของภาครัฐ ต่างก็ต้องใช้การประชาสัมพันธ์เพื่อเป็น “ใบเบิกทาง” และลดแรงเสียดทานต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น
ทีนี้เมื่อไม่มีเงิน ไม่มีคน ที่จะมาทำงานประชาสัมพันธ์ได้ ปัญหาต่าง ๆ จึงเกิดขึ้น และคนที่รับผิดชอบงานด้านประชาสัมพันธ์ ก็ต้องมา “รับเคราะห์” ในที่สุด
ความจำเป็นของการพัฒนาทักษะด้านการสื่อสาร
ดังนั้น เมื่อหน่วยราชการหรือเอกชน “แบกต้นทุน” ในการรับพนักงานเข้ามาแล้ว จึงจำเป็นที่จะต้องผลักดันทุนมนุษย์เหล่านี้ ให้สามารถทำงานด้านประชาสัมพันธ์ได้
แต่ไม่ใช่แค่ “ทำได้” เท่านั้น
ต้องทำให้ดี มีประสิทธิภาพ และมีประสิทธิผล สอดคล้องกับเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้รับสารในยุคปัจจุบันด้วย
การฝึกอบรมประชาสัมพันธ์ จึงเป็นเครื่องมือ ที่จะช่วยพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ให้สามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้ ภายใต้งบประมาณอันจำกัด และเงื่อนไขของระบบราชการที่ล่าช้าและไม่มีความยืดหยุ่นพอที่จะทำงานประชาสัมพันธ์เชิงรุกได้
CRF คือ ใคร
CRF Management คือ บริษัทที่ให้บริการฝึกอบรม โดย “มืออาชีพ” ผู้ที่อยู่ในสายงานมาไม่ต่ำกว่า 20 ปี และสามารถปรับตัวให้เข้ากับการสื่อสารในยุคสมัยปัจจุบันได้ ที่สำคัญ คือ มีความรู้ และความสามารถที่จะถ่ายทอด ความรู้ ความชำนาญ และประสบการณ์ ให้กับผู้เข้ารับการอบรมได้
ก่อตั้งโดย นายวาทิต ประสมทรัพย์ อดีตนักประชาสัมพันธ์ หรือ PR in house ตำแหน่ง ผู้จัดการศูนย์สื่อสารการตลาดของ บมจ. ทีโอที ก่อนจะมาเป็นที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ ประจำบริษัท 124 คอมมิวนิเคชั่นส คอนซัลติ้ง จำกัด เป็นอาจารย์พิเศษให้กับมหาวิทยาลัยภาครัฐและเอกชนหลายแห่ง รวมประสบการณ์ทำงานกว่า 23 ปี
ด้วยความที่เห็นความเหนื่อยยากของคนทำงานประชาสัมพันธ์ในองค์กรใหญ่ ๆ และเห็นโอกาสของธุรกิจบริการฝึกอบรม จึงได้จัดทำหัวข้อและหลักสูตรฝึกอบรมด้านประชาสัมพันธ์ การตลาด ที่ตอบโจทย์คนทำงานในองค์กร ให้สามารถพัฒนา ปรับเปลี่ยนวิธีคิด และเรียนรู้ให้เท่าทันบริบทของงานด้านประชาสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
บริการที่นำเสนอ
งานหลักของ CRF คือ งานด้านอบรมประชาสัมพันธ์ เช่น หลักสูตร “ติดอาวุธมนุษย์พีอาร์ เสริมพลังการสื่อสารองค์กร” ที่เปิดมาแล้ว 3 รุ่น มีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมกว่า 25 หน่วยงาน มีหัวข้ออบรมที่ตอบโจทย์คนทำงาน เช่น เล่าเรื่องแบบดิจิติลพีอาร์ สร้างความน่าเชื่อถือใหองค์กร สร้างแบรนด์องค์กรให้ดี ผลักดันผู้บริหารให้ดัง ด้วย Content Marketing การถ่ายภาพมือถืออย่างมือโปร กลยุทธ์การสื่อสารเพื่อสนับสนุนโครงการ การสื่อสารในภาวะวิกฤต ฯลฯ
นอกจากนั้น ก็ยังมีบริการด้านงานวิจัย การเก็บข้อมูลภาคสนาม การประมวลผล และการประเมินผลกิจกรรมต่าง ๆ งานด้านที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร และงานที่เกี่ยวข้องในสายวิชาชีพนี้ทั้งหมด
บริษัท ซีอาร์เอฟ จะเปิดหลักสูตรและหัวข้ออบรมต่าง ๆ ปีละ 4 รอบ พร้อมให้การต้อนรับผู้แทนจากหน่วยงานราชการและเอกชนทุกแห่ง ในห้องประชุมเล็ก ๆ ใน บรรยากาศที่เป็นกันเอง มีร้านกาแฟอยู่ในบริเวณเดียวกัน และมีที่จอดรถกว้างขวาง แม้จะอยู่ชานเมืองบนถนนศรีสมานแต่ก็เดินทางสะดวกด้วยทางด่วนศรีสมาน
สรุป
ผู้ปฏิบัติงานด้านสื่อสารองค์กร และประชาสัมพันธ์ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปรับตัว ปรับวิธีคิด เปลี่ยนวิธีทำ เพื่อให้งานประชาสัมพันธ์องค์กรเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิผล นำไปสู่การสร้างภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือ และความเชื่อมั่นต่อองค์กร ผู้บริหารตลอดจนสินค้าและบริการ ซึ่งบริษัท ซีอาร์เอฟ แมเนจเม้นท์ มีวิทยากรที่เป็นมืออาชีพในสายงาน สามารถถ่ายทอดทักษะ ความรู้ ความชำนาญได้กับบุคลากรได้ ภายใต้บรรยากาศการเรียนรู้ที่อบอุ่น เป็นกันเอง และกล้ารับประกันว่า ผู้ที่ผ่านการอบรมจากที่นี่ จะสามารถปฏิบัติงานประชาสัมพันธ์ได้อย่างเหมาะสมกับบริบทของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป

Total Page Visits: 1387 - Today Page Visits: 1